สารบัญ
- บทนำ
- บทบาทข้ามเวลา 20 ปี ท้าทายการแสดงด้วยความเปลี่ยนแปลงของจิตใจ
- สายตาเป็นกุญแจสำคัญในการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร
- ถ่ายทำครอบคลุม 6 เมือง และ 107 ฉาก สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
- ครั้งแรกของซีรีส์ไต้หวันที่ใช้เทคนิคลดวัยผ่านภาพเอฟเฟกต์อย่างครบวงจร
- การแสดงหลากมิติผสานเทคโนโลยี ถ่ายทอดช่วงชีวิตและจิตใจที่ต่างกันของตัวละคร
- Q&A
บทนำ
ซีรีส์ “ระยะห่างระหว่างเรากับความชั่วร้าย ภาค 2” สานต่อจิตวิญญาณจากภาคแรก ผ่านโครงข่ายตัวละครที่ซับซ้อนและเรื่องราวหลายเส้นทาง ชวนผู้ชมมองเห็นความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่ในมุมต่าง ๆ ของสังคม และเปิดเผยความยุ่งเหยิงทางอารมณ์ของหกครอบครัว KUBETผ่านเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ นักแสดงนำประกอบด้วย (โจวหยูหมิน),(เสวี่ยสือลิง), (หยางกุ้ยมุ่ย),(เซียซินอิง) และ (อวี๋จือหยู) เป็นต้น (ภาพจาก CATCHPLAY)
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
ชื่อซีรีส์ | ระยะห่างระหว่างเรากับความชั่วร้าย ภาค 2 |
เนื้อหาหลัก | สานต่อจิตวิญญาณจากภาคแรก ผ่านเครือข่ายตัวละครที่ซับซ้อน และเรื่องราวหลายเส้นทาง |
ธีมหลัก | สะท้อนความขัดแย้งทางสังคม และเปิดเผยความยุ่งเหยิงทางอารมณ์ของหกครอบครัว |
เหตุการณ์สำคัญ | เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ เป็นจุดเชื่อมโยงเรื่องราวของตัวละคร |
นักแสดงนำ | โจวหยูหมิน เสวี่ยสือลิง หยางกุ้ยมุ่ย เซียซินอิง อวี๋จือหยู |
ที่มา | ภาพจาก CATCHPLAY |
บทบาทข้ามเวลา 20 ปี ท้าทายการแสดงด้วยความเปลี่ยนแปลงของจิตใจ
โจวหยูหมิน รับบทเป็นจิตแพทย์ตัวเอกของเรื่อง KUBET บทบาทนี้มีช่วงเวลาข้ามไปถึง 20 ปี ตั้งแต่นักศึกษาหนุ่มไปจนถึงหมอวัยกลางคน ถ่ายทอดการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ผู้ผลิต (หลินอวี่หลิง) เผยว่า เมื่อได้กำหนดรูปแบบบทบาทจิตแพทย์นี้แล้ว KUBET คนแรกที่นึกถึงคือโจวหยูหมิน ทั้งสองฝ่ายเริ่มพูดคุยกันก่อนถ่ายทำถึง 1 ปี โจวหยูหมินเต็มใจและกระตือรือร้นที่จะรับบทที่มีมิติซับซ้อนนี้ พร้อมประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทีมงานตลอดการพัฒนาเนื้อเรื่อง KUBET
สายตาเป็นกุญแจสำคัญในการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร
โจวหยูหมินเคยกังวลว่า การย้อนเวลาไป 20 ปีก่อน KUBET เพื่อแสดงตัวละครในวัยเยาว์ เขาอาจไม่สามารถสื่ออารมณ์ผ่านสายตาได้อย่างที่ต้องการ จึงได้พูดคุยอย่างลึกซึ้งกับผู้กำกับ (หลินจวินหยาง) ผู้กำกับเล่าว่า มีฉากสำคัญระหว่างโจวหยูหมินและเซียซินอิง ที่เซียซินอิงเตือนให้โจวหยูหมินรับผิดชอบต่อภารกิจช่วยเหลือผู้อื่น แม้ในกองถ่ายจะถ่ายซ้ำหลายครั้ง KUBETแต่ผู้กำกับรู้สึกว่ายังขาดพลังทางอารมณ์ เมื่อเข้าห้องตัดต่อกลับพบว่า โจวหยูหมินถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงภายในตัวละครผ่านประกายเล็กๆ ในสายตา ซึ่งทำให้บทนี้มีชีวิตและลึกซึ้งมากขึ้น KUBET
ถ่ายทำครอบคลุม 6 เมือง และ 107 ฉาก สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
การถ่ายทำ “ระยะห่างระหว่างเรากับความชั่วร้าย II” กระจายครอบคลุม 6 เมืองทั่วไต้หวัน รวมกว่า 107 ฉาก ทีมงานออกแบบฉากและตกแต่งสถานที่อย่างละเอียด KUBET เพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไต้หวันในช่วง 20 ปี ทั้งป้ายจราจร รูปแบบถนน และป้ายร้านค้า ถูกเก็บข้อมูลและนำมาสร้างสรรค์อย่างสมจริง

ครั้งแรกของซีรีส์ไต้หวันที่ใช้เทคนิคลดวัยผ่านภาพเอฟเฟกต์อย่างครบวงจร
เพื่อให้ตัวละครดูเหมือนช่วงวัยหนุ่มสาว ซีรีส์นี้ใช้เทคนิคลดวัย (De-Aging Visual Effects) อย่างเต็มรูปแบบ ผู้กำกับ กล่าวว่า ในปีหลังๆ วงการภาพยนตร์ใช้เทคนิคนี้ช่วยปรับใบหน้าให้นักแสดงดูเด็กลง ใน “ระยะห่างฯ II” มีฉากที่ใช้เทคนิคนี้ถึง 200 ช็อต จาก 10 ตัวละครใน 2 ตอน ถือเป็นครั้งแรกของซีรีส์ไต้หวันที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้
ก่อนถ่ายทำ ผู้กำกับได้เจรจากับบริษัทเอฟเฟกต์หลายครั้ง รวมถึงศึกษางานภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง “The Irishman” และสอบถามราคาจากบริษัทเอฟเฟกต์ระดับโลกKUBET แต่สุดท้ายต้องยกเลิกแผนใช้เทคนิคระดับสูงสุด เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและเวลา
การแสดงหลากมิติผสานเทคโนโลยี ถ่ายทอดช่วงชีวิตและจิตใจที่ต่างกันของตัวละคร
เพื่อให้เห็นความแตกต่างของอายุ ทีมงานจะติดจุดติดตาม (Tracking Points) บนใบหน้าของนักแสดงระหว่างถ่ายทำ ปรับแต่งทรงผมและสไตล์เล็กน้อย ใช้แสงและเทคนิคแต่งหน้าเพื่อเปลี่ยนรูปหน้า หลังถ่ายทำ ทีมงานเอฟเฟกต์จะปรับแต่งเพิ่ม เช่น การเพิ่มน้ำหนักหรือลดน้ำหนักตามความเหมาะสมของตัวละครในแต่ละช่วงชีวิต
นอกจากนี้ นักแสดงยังต้องใช้ทักษะการแสดงและภาษากายเพื่อสื่อถึงบุคลิกและอารมณ์ในแต่ละช่วงเวลา เช่น โจวหยูหมินที่แสดงบทจิตแพทย์ในสองตอนแรกมีภาพลักษณ์ที่ทุกข์ระทม KUBET ส่วนเมื่อลำดับเวลาย้อนกลับเป็นวัยนักศึกษา เขาก็สวมบทหนุ่มสดใส เปี่ยมด้วยพลังแห่งวัยเยาว์ ถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงของชีวิตตัวละครได้อย่างสมจริงและมีมิติ
Q&A
คำถาม 1:
โจวหยูหมินรับบทอะไรในซีรีส์ “ระยะห่างระหว่างเรากับความชั่วร้าย II” และบทบาทนี้มีช่วงเวลาข้ามกี่ปี?
คำตอบ:
โจวหยูหมินรับบทเป็นจิตแพทย์ตัวเอกของเรื่อง โดยบทบาทนี้ข้ามช่วงเวลายาวนานถึง 20 ปี ตั้งแต่วัยนักศึกษาหนุ่มจนถึงหมอวัยกลางคน
คำถาม 2:
โจวหยูหมินมีความกังวลเกี่ยวกับการแสดงบทบาทข้ามเวลาอย่างไร และแก้ไขอย่างไร?
คำตอบ:
เขากังวลว่าอาจไม่สามารถสื่ออารมณ์ผ่านสายตาในช่วงวัยเยาว์ได้อย่างที่ต้องการ จึงพูดคุยอย่างลึกซึ้งกับผู้กำกับ และได้รับคำแนะนำจนถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงภายในตัวละครผ่านประกายในสายตาได้อย่างลึกซึ้ง
คำถาม 3:
การถ่ายทำซีรีส์นี้ครอบคลุมกี่เมืองและกี่ฉาก?
คำตอบ:
การถ่ายทำกระจายครอบคลุม 6 เมืองทั่วไต้หวัน รวมกว่า 107 ฉาก
คำถาม 4:
ซีรีส์นี้ใช้เทคนิคพิเศษอะไรเป็นครั้งแรกในวงการซีรีส์ไต้หวัน และมีฉากที่ใช้เทคนิคนี้กี่ช็อต?
คำตอบ:
ใช้เทคนิคลดวัย (De-Aging Visual Effects) อย่างครบวงจรเป็นครั้งแรกในซีรีส์ไต้หวัน มีฉากที่ใช้เทคนิคนี้ถึง 200 ช็อตใน 10 ตัวละครของ 2 ตอน
คำถาม 5:
ทีมงานและนักแสดงทำอย่างไรเพื่อให้แสดงความแตกต่างของช่วงวัยและบุคลิกตัวละครได้อย่างสมจริง?
คำตอบ:
ทีมงานติดจุดติดตาม (Tracking Points) บนใบหน้า ปรับแต่งทรงผม สไตล์ แสง และแต่งหน้า พร้อมกับนักแสดงใช้ทักษะการแสดงและภาษากายเพื่อสื่อถึงบุคลิกและอารมณ์ในแต่ละช่วงเวลา
เนื้อหาที่น่าสนใจ: