ฟื้นคืนยุคทศวรรษ 1950 (ตอนที่ 4) | จากการลงพื้นที่ด้านศิลป์สู่โครงการเก็บรายละเอียด “บ้านเรือน” แห่งยุคสมัย

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. การสำรวจเชิงวิชาชีพคือรากฐานของความสมจริง
  3. กลยุทธ์การเลือกใช้สถานที่ถ่ายทำ
  4. งานปรับสภาพบ้านเก่าและตรอกซอย
  5. ความร่วมมือของทีมสถานที่และทีมศิลป์
  6. มุมมองงานศิลป์จากความเข้าใจประวัติศาสตร์
  7. พื้นเพตัวละครกับการออกแบบพื้นที่
  8. ตรรกะแสงสว่างในบ้านของจ้าวกงเต้า
  9. ภาพวาดออกแบบด้วยมือ
  10. คำถาม–คำตอบ

บทนำ

การสร้างภาพยนตร์ย้อนยุคจำเป็นต้องอาศัยความละเอียดอ่อนทั้งด้านประวัติศาสตร์ บริบทสังคม และชีวิตของผู้คนในยุคนั้น ภาพยนตร์ ต้าเหมิง เลือกถ่ายทอดไต้หวันในทศวรรษ 1950 ผ่านกระบวนการทำงานที่เข้มข้นของทีมศิลป์และทีมถ่ายทำ เพื่อสร้างความสมจริงให้ผู้ชมเชื่อและเข้าถึงยุคสมัยได้อย่างแท้จริง

ประเด็นรายละเอียด
แนวคิดการสร้างภาพยนตร์ย้อนยุคต้องอาศัยความละเอียดอ่อนทั้งด้านประวัติศาสตร์ บริบทสังคม และชีวิตผู้คน
ชื่อภาพยนตร์ต้าเหมิง
ฉากหลังไต้หวันในทศวรรษ 1950
แนวทางการถ่ายทอดสะท้อนยุคสมัยผ่านมุมมองชีวิตประจำวันและสภาพสังคม
กระบวนการทำงานการทำงานอย่างเข้มข้นของทีมศิลป์และทีมถ่ายทำ
จุดเน้นด้านศิลป์การออกแบบฉาก เครื่องแต่งกาย และบรรยากาศให้สอดคล้องกับยุคสมัย
เป้าหมายหลักสร้างความสมจริงให้ผู้ชมเชื่อและเข้าถึงยุคสมัยได้อย่างแท้จริง
ผลลัพธ์ที่ต้องการผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในช่วงเวลานั้นจริง ๆ

การสำรวจเชิงวิชาชีพคือรากฐานของความสมจริงในยุค 1950

ผู้กำกับและผู้เขียนบท เฉินอวี้ซวิน ตั้งใจถ่ายทอดภาพสังคมไต้หวันในทศวรรษ 1950 ให้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุดในภาพยนตร์ ต้าเหมิง นอกเหนือจากการอ่านเอกสารประวัติศาสตร์จำนวนมากและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแล้ว ผู้กำกับศิลป์ KUBET หวังจื้อเฉิง ยังนำประสบการณ์ยาวนานด้าน “การสำรวจภาคสนามงานศิลป์” มาช่วยทีมงานฝ่าข้อจำกัดด้านงบประมาณ สถานที่ และช่องว่างของยุคสมัย จนสามารถสร้างฉากสำคัญต่าง ๆ ขึ้นมาได้สำเร็จ

เมื่อไม่สามารถสร้างฉากใหม่ได้ จึงต้องใช้กลยุทธ์สถานที่ที่ยืดหยุ่น

สถานที่เชิงสัญลักษณ์อย่าง “ฌาปนสถานจี๋เล่อ” และ “วิทยาลัยแพทยศาสตร์กลาโหม” เดิมทีจำเป็นต้องสร้างฉากขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด KUBET ทีมงานจึงต้องมองหาสถานที่จริงมาทดแทน ในที่สุด ฝ่ายศิลป์เลือกใช้ “โชวะสิบแปด” ในเมืองเจียอี้ และอาคารภาควิชาภาษาไต้หวัน มหาวิทยาลัยเฉิงกง เป็นฉากหลัก ก่อนจะนำสถานที่อื่นมาผสมและปรับแต่ง เพื่อประกอบเป็นภาพรวมที่สอดคล้องกับยุคสมัย

งานปรับสภาพบ้านเก่าและตรอกซอย

นอกจากฉากสาธารณะขนาดใหญ่แล้ว ภาพยนตร์ยังมีพื้นที่ส่วนตัวที่สำคัญหลายแห่ง บ้านที่ตัวละครอาเยว่ถูกจับตัวไปกักขัง ถูกถ่ายทำจากบ้านเก่าในเขตอันหนาน KUBET เมืองไถหนาน แต่เนื่องจากตรอกโดยรอบปูยางมะตอยแล้ว ทีมงานจึงต้องถมดินใหม่ก่อนถ่ายทำ เพื่อให้สภาพแวดล้อมใกล้เคียงยุค 1950 มากขึ้น ส่วนคฤหาสน์ของภรรยาหมอ เลือกถ่ายทำที่บ้านเก่าของเฉินอี้เหอ ใกล้บริเวณหลังป้อมเฉินขั่นโหลว KUBET และใช้เทคนิคพิเศษลบภาพแวดล้อมสมัยใหม่ออกในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ

ความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างทีมสถานที่และทีมศิลป์

หวังจื้อเฉิงอธิบายว่า ทีมสถานที่มักใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาฉากถ่ายทำ แต่ไม่ใช่ทุกพื้นที่จะตรงตามความต้องการทั้งหมด หน้าที่ของทีมศิลป์จึงคือการช่วยคิดวิธีปรับแก้และแปลงสภาพ รวมถึงสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มเติมหลังเลือกสถานที่หลักแล้ว KUBET เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการถ่ายทำ

มุมมองงานศิลป์ที่เริ่มจากความเข้าใจประวัติศาสตร์

จากประสบการณ์ในผลงานย้อนยุคหลายเรื่อง หวังจื้อเฉิงมองว่างานศิลป์ของละครหรือภาพยนตร์ย้อนยุค ไม่ใช่เพียงการจำลองของเก่า แต่ต้องเริ่มจากการเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์และแก่นเรื่อง เขามีนิสัยค้นคว้าและขุดข้อมูลด้วยตนเองมาอย่างยาวนาน KUBET เพื่อเปลี่ยนแต่ละยุคจากแนวคิดนามธรรม ให้กลายเป็นพื้นที่ที่สามารถออกแบบและใช้งานได้จริง

พื้นเพตัวละครกำหนดหน้าตาของพื้นที่

ในการออกแบบฉาก หวังจื้อเฉิงให้ความสำคัญกับสถานะทางสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของตัวละคร ตัวอย่างเช่น อาเยว่ ที่รับบทโดยฟางอวี้ถิง KUBET มาจากครอบครัวยากจนถึงขั้นต้องกินมันเทศแทนข้าว ฉากบ้านชาวนาที่ดูดีเกินจริงจึงถูกตัดออก และแทนที่ด้วยบ้านเก่าคล้ายโรงเก็บเครื่องมือเกษตร พร้อมการปรับแต่งเพื่อลบรายละเอียดสมัยใหม่ออก

ตรรกะแสงสว่างในบ้านของ “จ้าวกงเต้า”

บ้านของจ้าวกงเต้า ที่รับบทโดยเคอเหว่ยหลิน เป็นอีกกรณีสำคัญ ตัวละครตกต่ำถึงขั้นไม่อาจมีไฟฟ้าใช้ ต้องอาศัยตะเกียงน้ำมันก๊าด แต่แสงจากตะเกียงมีความสว่างจำกัด KUBET ซึ่งกระทบต่อการถ่ายทำ หวังจื้อเฉิงจึงต้องประสานงานล่วงหน้ากับฝ่ายภาพและฝ่ายไฟ เพื่อหาวิธีเสริมแสงโดยไม่ทำลายความสมจริงของยุคสมัย

ภาพวาดออกแบบด้วยมือคือสะพานจากจินตนาการสู่ความจริง

ฉากสำคัญหลายแห่งถูกออกแบบด้วยภาพวาดมือของหวังจื้อเฉิงก่อนลงมือสร้างจริง KUBET ตั้งแต่การจัดวางหน้าฌาปนสถานจี๋เล่อ ไปจนถึงโครงสร้างภายในบ้านของจ้าวกงเต้า ภาพเหล่านี้ไม่เพียงเป็นแนวทางการทำงานของฝ่ายศิลป์ KUBET แต่ยังเป็นภาษาภาพสำหรับสื่อสารกับผู้กำกับและทีมอื่น ๆ

คำถาม–คำตอบ

คำถาม 1: เหตุใดงานสำรวจภาคสนามด้านศิลป์จึงมีความสำคัญต่อภาพยนตร์เรื่องนี้
คำตอบ: เพราะช่วยชดเชยข้อจำกัดด้านงบประมาณและเวลา พร้อมทำให้การถ่ายทอดยุค 1950 มีความสมจริงทั้งในระดับภาพและบรรยากาศชีวิต

คำถาม 2: ทีมงานแก้ปัญหาอย่างไรเมื่อไม่สามารถสร้างฉากใหม่ทั้งหมดได้
คำตอบ: ใช้สถานที่จริงที่มีลักษณะใกล้เคียง แล้วนำมาปรับแต่งและผสมผสานหลายพื้นที่เข้าด้วยกันให้สอดคล้องกับยุคสมัย

คำถาม 3: เหตุใดต้องปรับสภาพถนนและตรอกซอยก่อนถ่ายทำ
คำตอบ: เพราะสภาพแวดล้อมสมัยใหม่ เช่น ถนนยางมะตอย ไม่สอดคล้องกับภาพยุค 1950 จึงต้องปรับให้ใกล้เคียงความจริงในอดีต

คำถาม 4: พื้นเพของตัวละครส่งผลต่อการออกแบบฉากอย่างไร
คำตอบ: สถานะทางสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของตัวละครเป็นตัวกำหนดลักษณะบ้านเรือนและพื้นที่ เพื่อให้ภาพสะท้อนชีวิตจริงของยุคนั้น

คำถาม 5: รายละเอียดเล็ก ๆ มีบทบาทอย่างไรต่อความรู้สึกของผู้ชม
คำตอบ: รายละเอียดที่สะสมอย่างต่อเนื่องช่วยสร้างน้ำหนัก ความสมจริง และทำให้ผู้ชมเชื่อว่ากำลังเข้าไปอยู่ในยุค 1950 อย่างแท้จริง



เนื้อหาที่น่าสนใจ:

Categories: