สารบัญ
- บทนำ
- เรื่องราวข้ามยุคสมัย ผู้กำกับเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่
- ประสบการณ์เก่าผสมผสานกับความท้าทายใหม่
- บรรยากาศในกองถ่ายและการค้นหาภาษาภาพยนตร์
- ฉากสภานิติบัญญัติ จุดเปลี่ยนสำคัญของการถ่ายทำ
- พลังแห่งอารมณ์ของซีซั่นแรกกับการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเหตุผลในซีซั่นสอง
- การทบทวนตนเองและความมุ่งมั่นของผู้กำกับ
- Q&A
บทนำ
เรื่องราวของ “เราและความชั่วร้าย II” ครอบคลุมช่วงเวลาถึง 20 ปี ตัวละครหลักมาจาก 6 ครอบครัว มีความซับซ้อนและอารมณ์ลึกซึ้ง ผู้กำกับหลินจุนหยาง เปิดใจว่าช่วงเริ่มต้นถ่ายทำเหมือนหลงทางในม่านหมอก จนกระทั่งถ่ายฉากที่เกี่ยวข้องกับสภานิติบัญญัติ KUBET จึงเริ่มเห็นทิศทางชัดเจนขึ้น
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
ชื่อเรื่อง | เราและความชั่วร้าย II |
ช่วงเวลาที่ครอบคลุม | 20 ปี |
จำนวนครอบครัวหลัก | 6 ครอบครัว |
ลักษณะของเนื้อเรื่อง | ซับซ้อน อารมณ์ลึกซึ้ง ถ่ายทอดความสัมพันธ์และปมชีวิตของตัวละคร |
ผู้กำกับ | หลินจุนหยาง |
เบื้องหลังการถ่ายทำ | เริ่มต้นถ่ายทำอย่างสับสน จนกระทั่งถ่ายฉากในสภานิติบัญญัติ จึงเห็นทิศทางชัดเจน |
นักแสดงนำ | หยางกุ้ยเหม่ย เสวี่ยซื่อหลิง ไช่เจิ้นหนาน |
เรื่องราวข้ามยุคสมัย ผู้กำกับเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่
“เราและความชั่วร้าย II” มีขนาดการผลิตใหญ่โต KUBET เรื่องราวยาวนานถึง 20 ปี ตัวละครเกี่ยวข้องกับ 6 ครอบครัว หัวหน้าผู้กำกับหลินจุนหยางกล่าวว่าทีมงานใช้เวลาพร้อมใจใส่มาก เหมือนกำลังทำซีรีส์สามเรื่องในเวลาเดียวกัน KUBET ช่วงแรกของการถ่ายทำเขารู้สึกสับสนและไม่มั่นใจว่าจะตีความโทนและจังหวะของเรื่องอย่างไรดี
ประสบการณ์เก่าผสมผสานกับความท้าทายใหม่
หลินจุนหยางเคยกำกับซีรีส์ “ชาเงิน” และ “ผู้ถูกเลือก – นักสร้างคลื่น” KUBET ซึ่งเขาควบคุมจังหวะและการเปลี่ยนแปลงของตัวละครได้อย่างชัดเจน ระหว่างขั้นตอนเตรียมงาน “เราและความชั่วร้าย II” เขาและทีมได้พูดคุยกันอย่างหนักว่าจะเริ่มถ่ายจากช่วง 20 ปีก่อนที่ตัวละครยังหนุ่มสาว และเริ่มด้วยการใช้กล้องนิ่งสร้างบรรยากาศมั่นคง KUBET

บรรยากาศในกองถ่ายและการค้นหาภาษาภาพยนตร์
ในตอนที่สามของซีรีส์ ทีมงานตั้งศาลาไหว้บรรยากาศ KUBET พร้อมกับใช้ควันไฟเพิ่มความรู้สึก ภาพยนตร์ถ่ายทำในบ้านเก่าทำให้หลินจุนหยางรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายทำ “ชาเงิน” แต่หลังจากนั้นเปลี่ยนมาใช้กล้องถือถ่าย ทำให้ภาพดูมีจังหวะและรู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้น KUBET จึงใกล้เคียงกับสไตล์ของ “เราและความชั่วร้าย II” มากขึ้น
ช่วงเวลานี้กินเวลาราวสองเดือน ผู้กำกับมักคิดว่า “ซีรีส์นี้ควรจะเป็นแบบไหนกันแน่” โดยได้ลองใช้หลายรูปแบบของภาพและสภาพการแสดงของนักแสดง แต่ก็ยังไม่มั่นใจ KUBET จนกระทั่งถ่ายทำฉากจริงที่สภานิติบัญญัติได้สำเร็จ จึงรู้สึกเหมือนได้ใจความสำคัญของเรื่องแล้ว
ฉากสภานิติบัญญัติ จุดเปลี่ยนสำคัญของการถ่ายทำ
หลินจุนหยางกล่าวว่า “ประมาณตอนที่ถ่ายฉากสภาฯ ได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมจึงรู้สึกมั่นคง” เขาอธิบายว่าในสองเดือนก่อนหน้านั้น ทีมงานยังคงค้นหาภาษาภาพและความมั่นคงของนักแสดงในแต่ละฉากและสถานที่ จนกระทั่งถึงจุดนี้ ทุกอย่างจึงลงตัวKUBET หลังจากนั้นการถ่ายทำก็เป็นไปอย่างมั่นใจและมีทิศทาง ชุดภาพรวมเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
พลังแห่งอารมณ์ของซีซั่นแรกกับการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเหตุผลในซีซั่นสอง
ย้อนกลับไปช่วงถ่ายทำ “เราและความชั่วร้าย” ซีซั่นแรก หลินจุนหยางกล่าวว่า ฉากถ่ายเต็มไปด้วยอารมณ์เข้มข้น มีน้ำตาหลายครั้ง ทุกๆ หนึ่งถึงสองวัน KUBET จะมีฉากร้องไห้หลากหลายระดับ ความรู้สึกนี้ทำให้ทีมงานที่แม้จะสับสนในบางช่วง แต่ก็ได้แรงผลักดันจากความประทับใจร่วมกัน
แต่สำหรับซีซั่นสอง ซึ่งเขียนบทโดยหลู่ซือหยวน เหมือนเดิม ผู้กำกับคาดหวังว่าจะยังคงได้ฉากที่ทำให้ซาบซึ้งเหมือนเดิม แต่ด้วยขนาดและโครงเรื่องที่ใหญ่ขึ้นและมีความเป็นเหตุผลมากขึ้น ทำให้ฉากบางฉากดู “ไม่สมเหตุสมผลที่นักแสดงจะร้องไห้” เขาจึงมักสั่งหยุดถ่ายบ่อยๆ และกลับเริ่มกังวลว่าอารมณ์ในฉากจะไม่เข้มข้นเพียงพอ ทำให้รู้สึกสับสนและเผชิญความท้าทายอย่างมาก
การทบทวนตนเองและความมุ่งมั่นของผู้กำกับ
หลินจุนหยางเปิดใจว่าการเปลี่ยนจากการถ่ายทอดอารมณ์เข้มข้นในซีซั่นแรกมาเป็นการนำเสนอด้วยเหตุผลในซีซั่นสอง นำมาซึ่งความยากลำบากใหม่ๆ ในการถ่ายทำ แต่เขาเชื่อว่านี่เป็นกระบวนการที่จำเป็น เพื่อสะท้อนความซับซ้อนของอารมณ์และประเด็นในสังคมสมัยใหม่ และในที่สุด “เราและความชั่วร้าย II” ก็สามารถหาภาษาภาพและวิธีเล่าเรื่องที่ตอบโจทย์บทละครได้สำเร็จ ผ่านการลองผิดลองถูกและความร่วมมืออย่างหนักของทีมงาน
Q&A
คำถาม 1:
ผู้กำกับหลินจุนหยางเปรียบเปรยช่วงเริ่มต้นถ่ายทำซีรีส์ 《เราและความชั่วร้าย II》 ว่าเป็นอย่างไร?
คำตอบ:
เขาเปรียบเปรยว่าช่วงเริ่มต้นถ่ายทำเหมือนหลงทางในม่านหมอก เพราะรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในทิศทาง โทน และจังหวะของเรื่อง
คำถาม 2:
ฉากใดในซีรีส์ที่ผู้กำกับระบุว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เห็นทิศทางชัดเจน?
คำตอบ:
ฉากที่เกี่ยวข้องกับสภานิติบัญญัติ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้กำกับและทีมงานรู้สึกมั่นคงและเห็นทิศทางของเรื่องชัดเจนขึ้น
คำถาม 3:
ผู้กำกับหลินจุนหยางเล่าว่าการถ่ายทำฉากในซีซั่นแรกมีลักษณะอย่างไรเมื่อเทียบกับซีซั่นสอง?
คำตอบ:
ในซีซั่นแรก ฉากเต็มไปด้วยอารมณ์เข้มข้นและน้ำตาหลายครั้ง แต่ในซีซั่นสองที่มีโครงเรื่องใหญ่และมีความเป็นเหตุผลมากขึ้น บางฉากดูไม่สมเหตุสมผลที่นักแสดงจะร้องไห้ จึงมักสั่งหยุดถ่ายและกังวลว่าอารมณ์จะไม่เข้มข้นพอ
คำถาม 4:
ในช่วงแรกของการถ่ายทำ ทีมงานได้ลองใช้วิธีการถ่ายภาพแบบใดบ้างเพื่อค้นหาภาษาภาพยนตร์?
คำตอบ:
ทีมงานเริ่มต้นด้วยการใช้กล้องนิ่งเพื่อสร้างบรรยากาศมั่นคง จากนั้นเปลี่ยนมาใช้กล้องถือเพื่อเพิ่มจังหวะและความรู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้น
คำถาม 5:
ผู้กำกับหลินจุนหยางมองว่าการเปลี่ยนแปลงสู่การนำเสนอด้วยเหตุผลในซีซั่นสองมีความหมายอย่างไร?
คำตอบ:
เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นกระบวนการจำเป็นเพื่อสะท้อนความซับซ้อนของอารมณ์และประเด็นในสังคมสมัยใหม่ และช่วยให้ซีรีส์หาภาษาภาพและวิธีเล่าเรื่องที่ตอบโจทย์บทละครได้สำเร็จ
เนื้อหาที่น่าสนใจ: