ซีรีส์ไต้หวันพลิกโฉมการตลาด 4/เริ่มถ่ายทำ “เราและความชั่วร้าย II” เหมือนหลงทางในม่านหมอก ผู้กำกับเผยฉากสภานิติบัญญัติเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ


สารบัญ

  1. บทนำ
  2. เรื่องราวข้ามยุคสมัย ผู้กำกับเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่
  3. ประสบการณ์เก่าผสมผสานกับความท้าทายใหม่
  4. บรรยากาศในกองถ่ายและการค้นหาภาษาภาพยนตร์
  5. ฉากสภานิติบัญญัติ จุดเปลี่ยนสำคัญของการถ่ายทำ
  6. พลังแห่งอารมณ์ของซีซั่นแรกกับการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเหตุผลในซีซั่นสอง
  7. การทบทวนตนเองและความมุ่งมั่นของผู้กำกับ
  8. Q&A

บทนำ

เรื่องราวของ “เราและความชั่วร้าย II” ครอบคลุมช่วงเวลาถึง 20 ปี ตัวละครหลักมาจาก 6 ครอบครัว มีความซับซ้อนและอารมณ์ลึกซึ้ง ผู้กำกับหลินจุนหยาง เปิดใจว่าช่วงเริ่มต้นถ่ายทำเหมือนหลงทางในม่านหมอก จนกระทั่งถ่ายฉากที่เกี่ยวข้องกับสภานิติบัญญัติ KUBET จึงเริ่มเห็นทิศทางชัดเจนขึ้น

หัวข้อรายละเอียด
ชื่อเรื่องเราและความชั่วร้าย II
ช่วงเวลาที่ครอบคลุม20 ปี
จำนวนครอบครัวหลัก6 ครอบครัว
ลักษณะของเนื้อเรื่องซับซ้อน อารมณ์ลึกซึ้ง ถ่ายทอดความสัมพันธ์และปมชีวิตของตัวละคร
ผู้กำกับหลินจุนหยาง
เบื้องหลังการถ่ายทำเริ่มต้นถ่ายทำอย่างสับสน จนกระทั่งถ่ายฉากในสภานิติบัญญัติ จึงเห็นทิศทางชัดเจน
นักแสดงนำหยางกุ้ยเหม่ย เสวี่ยซื่อหลิง ไช่เจิ้นหนาน

เรื่องราวข้ามยุคสมัย ผู้กำกับเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่

“เราและความชั่วร้าย II” มีขนาดการผลิตใหญ่โต KUBET เรื่องราวยาวนานถึง 20 ปี ตัวละครเกี่ยวข้องกับ 6 ครอบครัว หัวหน้าผู้กำกับหลินจุนหยางกล่าวว่าทีมงานใช้เวลาพร้อมใจใส่มาก เหมือนกำลังทำซีรีส์สามเรื่องในเวลาเดียวกัน KUBET ช่วงแรกของการถ่ายทำเขารู้สึกสับสนและไม่มั่นใจว่าจะตีความโทนและจังหวะของเรื่องอย่างไรดี

ประสบการณ์เก่าผสมผสานกับความท้าทายใหม่

หลินจุนหยางเคยกำกับซีรีส์ “ชาเงิน” และ “ผู้ถูกเลือก – นักสร้างคลื่น” KUBET ซึ่งเขาควบคุมจังหวะและการเปลี่ยนแปลงของตัวละครได้อย่างชัดเจน ระหว่างขั้นตอนเตรียมงาน “เราและความชั่วร้าย II” เขาและทีมได้พูดคุยกันอย่างหนักว่าจะเริ่มถ่ายจากช่วง 20 ปีก่อนที่ตัวละครยังหนุ่มสาว และเริ่มด้วยการใช้กล้องนิ่งสร้างบรรยากาศมั่นคง KUBET

บรรยากาศในกองถ่ายและการค้นหาภาษาภาพยนตร์

ในตอนที่สามของซีรีส์ ทีมงานตั้งศาลาไหว้บรรยากาศ KUBET พร้อมกับใช้ควันไฟเพิ่มความรู้สึก ภาพยนตร์ถ่ายทำในบ้านเก่าทำให้หลินจุนหยางรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายทำ “ชาเงิน” แต่หลังจากนั้นเปลี่ยนมาใช้กล้องถือถ่าย ทำให้ภาพดูมีจังหวะและรู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้น KUBET จึงใกล้เคียงกับสไตล์ของ “เราและความชั่วร้าย II” มากขึ้น

ช่วงเวลานี้กินเวลาราวสองเดือน ผู้กำกับมักคิดว่า “ซีรีส์นี้ควรจะเป็นแบบไหนกันแน่” โดยได้ลองใช้หลายรูปแบบของภาพและสภาพการแสดงของนักแสดง แต่ก็ยังไม่มั่นใจ KUBET จนกระทั่งถ่ายทำฉากจริงที่สภานิติบัญญัติได้สำเร็จ จึงรู้สึกเหมือนได้ใจความสำคัญของเรื่องแล้ว

ฉากสภานิติบัญญัติ จุดเปลี่ยนสำคัญของการถ่ายทำ

หลินจุนหยางกล่าวว่า “ประมาณตอนที่ถ่ายฉากสภาฯ ได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมจึงรู้สึกมั่นคง” เขาอธิบายว่าในสองเดือนก่อนหน้านั้น ทีมงานยังคงค้นหาภาษาภาพและความมั่นคงของนักแสดงในแต่ละฉากและสถานที่ จนกระทั่งถึงจุดนี้ ทุกอย่างจึงลงตัวKUBET หลังจากนั้นการถ่ายทำก็เป็นไปอย่างมั่นใจและมีทิศทาง ชุดภาพรวมเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

พลังแห่งอารมณ์ของซีซั่นแรกกับการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเหตุผลในซีซั่นสอง

ย้อนกลับไปช่วงถ่ายทำ “เราและความชั่วร้าย” ซีซั่นแรก หลินจุนหยางกล่าวว่า ฉากถ่ายเต็มไปด้วยอารมณ์เข้มข้น มีน้ำตาหลายครั้ง ทุกๆ หนึ่งถึงสองวัน KUBET จะมีฉากร้องไห้หลากหลายระดับ ความรู้สึกนี้ทำให้ทีมงานที่แม้จะสับสนในบางช่วง แต่ก็ได้แรงผลักดันจากความประทับใจร่วมกัน

แต่สำหรับซีซั่นสอง ซึ่งเขียนบทโดยหลู่ซือหยวน  เหมือนเดิม ผู้กำกับคาดหวังว่าจะยังคงได้ฉากที่ทำให้ซาบซึ้งเหมือนเดิม แต่ด้วยขนาดและโครงเรื่องที่ใหญ่ขึ้นและมีความเป็นเหตุผลมากขึ้น ทำให้ฉากบางฉากดู “ไม่สมเหตุสมผลที่นักแสดงจะร้องไห้” เขาจึงมักสั่งหยุดถ่ายบ่อยๆ และกลับเริ่มกังวลว่าอารมณ์ในฉากจะไม่เข้มข้นเพียงพอ ทำให้รู้สึกสับสนและเผชิญความท้าทายอย่างมาก

การทบทวนตนเองและความมุ่งมั่นของผู้กำกับ

หลินจุนหยางเปิดใจว่าการเปลี่ยนจากการถ่ายทอดอารมณ์เข้มข้นในซีซั่นแรกมาเป็นการนำเสนอด้วยเหตุผลในซีซั่นสอง นำมาซึ่งความยากลำบากใหม่ๆ ในการถ่ายทำ แต่เขาเชื่อว่านี่เป็นกระบวนการที่จำเป็น เพื่อสะท้อนความซับซ้อนของอารมณ์และประเด็นในสังคมสมัยใหม่ และในที่สุด “เราและความชั่วร้าย II” ก็สามารถหาภาษาภาพและวิธีเล่าเรื่องที่ตอบโจทย์บทละครได้สำเร็จ ผ่านการลองผิดลองถูกและความร่วมมืออย่างหนักของทีมงาน

Q&A

คำถาม 1:
ผู้กำกับหลินจุนหยางเปรียบเปรยช่วงเริ่มต้นถ่ายทำซีรีส์ 《เราและความชั่วร้าย II》 ว่าเป็นอย่างไร?

คำตอบ:
เขาเปรียบเปรยว่าช่วงเริ่มต้นถ่ายทำเหมือนหลงทางในม่านหมอก เพราะรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในทิศทาง โทน และจังหวะของเรื่อง


คำถาม 2:
ฉากใดในซีรีส์ที่ผู้กำกับระบุว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เห็นทิศทางชัดเจน?

คำตอบ:
ฉากที่เกี่ยวข้องกับสภานิติบัญญัติ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้กำกับและทีมงานรู้สึกมั่นคงและเห็นทิศทางของเรื่องชัดเจนขึ้น


คำถาม 3:
ผู้กำกับหลินจุนหยางเล่าว่าการถ่ายทำฉากในซีซั่นแรกมีลักษณะอย่างไรเมื่อเทียบกับซีซั่นสอง?

คำตอบ:
ในซีซั่นแรก ฉากเต็มไปด้วยอารมณ์เข้มข้นและน้ำตาหลายครั้ง แต่ในซีซั่นสองที่มีโครงเรื่องใหญ่และมีความเป็นเหตุผลมากขึ้น บางฉากดูไม่สมเหตุสมผลที่นักแสดงจะร้องไห้ จึงมักสั่งหยุดถ่ายและกังวลว่าอารมณ์จะไม่เข้มข้นพอ


คำถาม 4:
ในช่วงแรกของการถ่ายทำ ทีมงานได้ลองใช้วิธีการถ่ายภาพแบบใดบ้างเพื่อค้นหาภาษาภาพยนตร์?

คำตอบ:
ทีมงานเริ่มต้นด้วยการใช้กล้องนิ่งเพื่อสร้างบรรยากาศมั่นคง จากนั้นเปลี่ยนมาใช้กล้องถือเพื่อเพิ่มจังหวะและความรู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้น


คำถาม 5:
ผู้กำกับหลินจุนหยางมองว่าการเปลี่ยนแปลงสู่การนำเสนอด้วยเหตุผลในซีซั่นสองมีความหมายอย่างไร?

คำตอบ:
เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นกระบวนการจำเป็นเพื่อสะท้อนความซับซ้อนของอารมณ์และประเด็นในสังคมสมัยใหม่ และช่วยให้ซีรีส์หาภาษาภาพและวิธีเล่าเรื่องที่ตอบโจทย์บทละครได้สำเร็จ



เนื้อหาที่น่าสนใจ:

Categories: