จากเพลงเด็กสู่หนังสยองขวัญตอนที่ 3: “แสงแดดกลายเป็นแสงจันทร์” เบื้องหลังฝีมือการถ่ายทำของ “เฉิน ฉีเหวิน” ผู้ควบคุมบรรยากาศหลอนแห่ง ตุ๊กตาดิน

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. ผู้กำกับที่เลือก “คนเข้าใจหนัง” มากกว่า “คนถ่ายสวย”
  3. เฉิน ฉีเหวิน: “หนังสยองคือศิลปะแห่งความทรมานของทีมถ่ายทำ”
  4. การทำงานคู่กันระหว่างผู้กำกับและผู้กำกับภาพ: ความเข้าใจคือหัวใจ
  5. การพลิกสถานการณ์ในกองถ่าย: เมื่อโลเคชันจริงไม่เป็นไปตามแผน
  6. บ้านญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและสัญลักษณ์ทางอารมณ์
  7. เทคนิค “แสงแดดกลายเป็นแสงจันทร์”: ความชาญฉลาดในภาวะจำกัด
  8. Q&A

บทนำ

ผลงานภาพยนตร์สยองขวัญ 《ตุ๊กตาดิน》(Mud Doll) ผลงานกำกับเรื่องแรกของ เจี่ย เมิ่งหรู ไม่ได้โดดเด่นแค่ในแง่ของบทและอารมณ์KUBET แต่ยังได้รับคำชมอย่างสูงในด้านภาพและการจัดแสงที่สร้าง “ความหลอนอย่างมีชั้นเชิง” KUBET ซึ่งผลงานเหล่านี้ล้วนมาจากฝีมือของผู้กำกับภาพระดับแนวหน้า เฉิน ฉีเหวิน

หัวข้อรายละเอียด
ชื่อภาพยนตร์《ตุ๊กตาดิน (Mud Doll)》
ประเภทสยองขวัญ
ผู้กำกับเจี่ย เมิ่งหรู (ผลงานกำกับเรื่องแรก)
จุดเด่นของผลงานโดดเด่นทั้งด้านบทและอารมณ์, ความหลอนมีชั้นเชิง
เทคนิค/องค์ประกอบเด่นภาพและการจัดแสงสร้างบรรยากาศสยอง
ผู้กำกับภาพเฉิน ฉีเหวิน (มือระดับแนวหน้า)
การยอมรับได้รับคำชมสูงด้านภาพและการจัดแสง

ผู้กำกับที่เลือก “คนเข้าใจหนัง” มากกว่า “คนถ่ายสวย”

เจี่ย เมิ่งหรูกล่าวว่า เฉิน ฉีเหวินคือ “ตัวเลือกเดียว” ที่เขาต้องการร่วมงานตั้งแต่เริ่มต้น KUBET เพราะทั้งคู่มีแนวคิดตรงกันในเรื่องการทำงานและการเข้าใจบทภาพยนตร์ “ผมไม่ได้มองหาคนที่ถ่ายภาพได้สวยที่สุด แต่ต้องการคนที่ ‘เข้าใจหนัง’ และเข้าใจตัวละครจริง ๆ เฉิน ฉีเหวินมีพื้นฐานจากสาขาผู้กำกับของ Beijing Film Academy เขาจึงสามารถคุยกับผมในระดับการตีความเรื่องราวได้ลึกกว่าแค่เทคนิคภาพ” KUBET แม้เฉิน ฉีเหวินจะเป็นที่รู้จักจากผลงานหนังดังอย่าง (Marry My Dead Body) แต่การกลับมารับงานหนังสยองอีกครั้งใน Mud Doll นับเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่าย KUBET

เฉิน ฉีเหวิน: “หนังสยองคือศิลปะแห่งความทรมานของทีมถ่ายทำ”

เฉิน ฉีเหวินยอมรับตรงไปตรงมาว่า เขาเกือบปฏิเสธงานนี้ KUBET เพราะแม้จะถ่ายหนังสยองมาหลายเรื่อง แต่ก็เริ่ม “เหนื่อยทางใจ” กับความยากในการสร้างบรรยากาศ “ในบทเขาอาจเขียนแค่ว่า ‘ตัวละครเดินผ่านทางเดินที่ดูน่ากลัว’ แต่สำหรับเราคือการบ้านใหญ่ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ชมรู้สึกถึงความหลอนนั้นจริง ๆ แสง เงา มุมกล้อง และโทนภาพต้องสัมพันธ์กันหมด มันคือการสร้าง ‘ความกลัวที่จับต้องได้’ ซึ่งไม่สามารถพึ่งบทได้เลย” เฉิน ฉีเหวินมองว่าการถ่ายหนังสยองเป็นเหมือน “การตีความบทใหม่” อีกชั้นหนึ่ง KUBET เพราะทุกแสงเงาและจังหวะกล้องล้วนมีพลังเท่ากับการแสดงของนักแสดง

การทำงานคู่กันระหว่างผู้กำกับและผู้กำกับภาพ: ความเข้าใจคือหัวใจ

เจี่ย เมิ่งหรูในฐานะอดีตตัดต่อมือรางวัล เข้าใจความสำคัญของ “จังหวะภาพ” มากกว่าคำพูด เขาจึงให้ความอิสระกับเฉิน ฉีเหวินอย่างเต็มที่ KUBET ทั้งคู่ร่วมกันประชุม Storyboard อย่างละเอียดก่อนถ่ายจริง “ผมมองว่าผู้กำกับภาพไม่ได้ทำงานเพื่อบท เพราะบทไม่มีชีวิต สิ่งที่ให้ชีวิตกับหนังคือผู้กำกับ ดังนั้นเราต้องเข้าใจกันให้มากที่สุด” — เฉิน ฉีเหวิน กล่าว อย่างไรก็ตาม กระบวนการวาง Storyboard ก็นำมาซึ่งความทรมานสำหรับเขา เพราะต้องนั่งคิดภาพในหัวอย่างละเอียดเป็นสัปดาห์ ทั้งที่อยากลงมือถ่ายทันที KUBET “เหมือนแม่ทัพที่อยากออกรบแต่ต้องวางแผนรบก่อน” เขากล่าวพร้อมหัวเราะ

การพลิกสถานการณ์ในกองถ่าย: เมื่อโลเคชันจริงไม่เป็นไปตามแผน

หนึ่งในความท้าทายใหญ่ของ Mud Doll คือปัญหาโลเคชัน ทีมงานตั้งใจจะใช้ “บ้านพักข้าราชการในป้อมปราการจีหลง ” เป็นสถานที่ถ่ายทำฉาก “บ้านสยอง” ที่มีเตาเผาดิน แต่เมื่อไปสำรวจจริงกลับพบปัญหามากมาย

  • พื้นที่แคบเกินไปสำหรับทีมถ่ายทำ
  • เป็นโบราณสถาน ห้ามเจาะ ห้ามตอกตะปู
  • ไม่สามารถตกแต่งหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้

สุดท้ายทีมงานจึงต้องเปลี่ยนให้สถานที่ดังกล่าวกลายเป็น “บ้านของคู่สามีภรรยาเอก” แทน

บ้านญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและสัญลักษณ์ทางอารมณ์

แม้จะไม่ได้ใช้เป็นบ้านผี แต่สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นของบ้านหลังนั้นกลับกลายเป็นข้อดี เพราะมีองค์ประกอบเชิงสัญลักษณ์ที่เข้ากับธีมของเรื่อง เช่น

  • ทางเดินแคบและยาว สื่อถึงความโดดเดี่ยว
  • ประตูบานเลื่อน ที่เปิดปิดซ้ำ ๆ เหมือนการวนเวียนในวังวนความกลัว
  • แสงธรรมชาติที่ลอดผ่านช่องไม้ ช่วยสร้างเงาเหมือนกรงขังทางอารมณ์

เฉิน ฉีเหวินกล่าวว่า “ข้อจำกัดทางพื้นที่ทำให้เราต้องคิดสร้างสรรค์มากขึ้น แสงทุกดวงต้องมีเหตุผล และทุกมุมกล้องต้องช่วยบอกอารมณ์ของตัวละคร”

เทคนิค “แสงแดดกลายเป็นแสงจันทร์”: ความชาญฉลาดในภาวะจำกัด

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่กลายเป็นตำนานเบื้องหลังกองถ่ายคือปัญหาการถ่ายฉากบ้านผี ซึ่งตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ทีมงานไม่สามารถปิดถนนหรือถ่ายตอนกลางคืนได้เพราะจะรบกวนชุมชน เฉิน ฉีเหวินจึงคิดวิธีแก้สุดครีเอทีฟ — ใช้กระดาษสีเทาดำติดที่หน้าต่างทั้งหมด ให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านอย่างเบาบางจนดูเหมือนแสงจันทร์ “แสงอาทิตย์ที่ผ่านกระดาษนั้นกลายเป็นโทนเทาอมฟ้า ดูเย็นและหลอนราวกับกลางคืนจริง ๆ เราจึงสามารถถ่ายฉากกลางวันให้เหมือนกลางคืนได้ โดยไม่ต้องพึ่งไฟสตูดิโอใหญ่เลย” เทคนิคนี้ไม่เพียงประหยัดเวลาและงบประมาณ KUBET แต่ยังสร้างบรรยากาศ “หลอนแบบสมจริง” จนหลายคนเข้าใจผิดว่าถ่ายตอนกลางคืนจริง ๆ

Q&A

  1. คำถาม: ทำไมผู้กำกับ เจี่ย เมิ่งหรู จึงเลือกเฉิน ฉีเหวินมาร่วมงานเป็นผู้กำกับภาพ?
    คำตอบ: เพราะเฉิน ฉีเหวินเป็นคนที่ “เข้าใจหนัง” และเข้าใจตัวละครจริง ๆ มากกว่าการถ่ายภาพสวยเพียงอย่างเดียว ทั้งสองมีแนวคิดตรงกันในการตีความเรื่องราวและอารมณ์ภาพยนตร์
  2. คำถาม: เฉิน ฉีเหวินมองการถ่ายหนังสยองขวัญอย่างไร และสิ่งใดสำคัญต่อการสร้างความหลอน?
    คำตอบ: เขามองว่าการถ่ายหนังสยองเป็น “ศิลปะแห่งความทรมานของทีมถ่ายทำ” ทุกแสง เงา มุมกล้อง และโทนภาพต้องสัมพันธ์กันเพื่อสร้างความกลัวที่จับต้องได้ เท่ากับการแสดงของนักแสดง
  3. คำถาม: ปัญหาใหญ่ของโลเคชันในการถ่ายทำ Mud Doll คืออะไร และทีมงานแก้ไขอย่างไร?
    คำตอบ: ทีมตั้งใจใช้บ้านพักข้าราชการในป้อมปราการจีหลง แต่พื้นที่แคบ ห้ามเจาะหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง จึงเปลี่ยนเป็นบ้านของคู่สามีภรรยาแทน
  4. คำถาม: องค์ประกอบของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นช่วยสร้างบรรยากาศหลอนอย่างไร?
    คำตอบ: ทางเดินแคบและยาวสื่อถึงความโดดเดี่ยว ประตูบานเลื่อนเปิด-ปิดซ้ำ ๆ เหมือนวนเวียนในความกลัว แสงธรรมชาติที่ลอดช่องไม้สร้างเงาเหมือนกรงขังทางอารมณ์
  5. คำถาม: เทคนิค “แสงแดดกลายเป็นแสงจันทร์” ทำงานอย่างไร และมีประโยชน์อะไร?
    คำตอบ: ทีมติดกระดาษสีเทาดำที่หน้าต่างเพื่อให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านอย่างเบาบาง กลายเป็นโทนเทาอมฟ้าเหมือนกลางคืน ช่วยถ่ายกลางวันให้เหมือนกลางคืน ประหยัดเวลา งบประมาณ และสร้างบรรยากาศหลอนสมจริง



เนื้อหาที่น่าสนใจ:

Categories: