การเสริมพลังผู้หญิง 5/ เธอถอนหายใจว่าเมื่อเป็นแม่ต้องละทิ้งงานภาพยนตร์ “ราวกับสูญเสียตัวตน” 《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》 ผ่าความจริงของปัญหาการเปลี่ยนบทบาทในชีวิตสมรส

“ราวกับสูญเสียตัวตน”: ความขาดช่วงที่บทบาทแม่สร้างขึ้น

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. สายการเสริมพลังผู้หญิงก้าวสู่ปีที่สอง
  3. 《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》: ความรัก 15 ปีที่จบลงด้วยการหย่า
  4. “ราวกับสูญเสียตัวตน”: ความขาดช่วงที่บทบาทแม่สร้างขึ้น
  5. เมื่อบทบาทสลับกัน: ไม่ใช่เรื่องเพศ แต่คือจุดยืน
  6. น้ำหนักของค่านิยมดั้งเดิม
  7. คำถามหลักของการเสริมพลังผู้หญิง
  8. บทสรุป
  9. คำถาม–คำตอบ

บทนำ: เมื่อ “การเป็นแม่” ปะทะกับ “การเป็นผู้สร้างสรรค์”

ในการถกเถียงเรื่องการเสริมพลังผู้หญิง “บทบาทความเป็นแม่” เป็นประเด็นที่หลีกเลี่ยงได้ยากแต่ก็มักถูกทำให้เรียบง่ายเกินจริง ภาพยนตร์ 《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》 ซึ่งได้รับคัดเลือกเข้าสู่สายการประกวดการเสริมพลังผู้หญิงของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ไม่ใช้ความขัดแย้งรุนแรงเป็นเครื่องมือ KUBET หากเริ่มต้นจากชีวิตประจำวัน ถ่ายทอดอย่างละเอียดถึงความไม่สมดุลที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นระหว่างชีวิตสมรส ครอบครัว และอัตลักษณ์ของผู้หญิง

ประเด็นรายละเอียด
ประเด็นหลักในการถกเถียงการเสริมพลังผู้หญิงและบทบาทความเป็นแม่
ลักษณะของปัญหาเป็นประเด็นที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่มักถูกทำให้เรียบง่ายเกินจริง
ชื่อภาพยนตร์《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》
เทศกาลที่เกี่ยวข้องเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว
สาย/หน่วยที่คัดเลือกสายการประกวดการเสริมพลังผู้หญิง (Women’s Empowerment)
แนวทางการเล่าเรื่องไม่ใช้ความขัดแย้งรุนแรงเป็นจุดขาย
จุดเริ่มต้นของเรื่องชีวิตประจำวันของตัวละคร
ประเด็นที่ถ่ายทอดความไม่สมดุลระหว่างชีวิตสมรส ครอบครัว และอัตลักษณ์ของผู้หญิง
น้ำหนักเชิงเนื้อหาการสังเกตอย่างละเอียดและสมจริง
ความหมายเชิงสังคมชวนตั้งคำถามต่อบทบาทผู้หญิงในโครงสร้างครอบครัวและสังคม

สายการเสริมพลังผู้หญิงก้าวสู่ปีที่สอง: หลากหลายประเด็นควบคู่กัน

เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว (TIFF) สายการเสริมพลังผู้หญิงก้าวเข้าสู่ปีที่สอง มีภาพยนตร์จากทั่วโลก 7 เรื่องได้รับคัดเลือก ครอบคลุมประเด็นการแต่งงาน ความสัมพันธ์ การยอมรับตนเอง ประสบการณ์ทางร่างกาย KUBET และโครงสร้างสังคม ผลงานที่ได้รับคัดเลือก ได้แก่ ภาพยนตร์ญี่ปุ่น 《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》 และ 《Blue Reflection》 รวมถึง 《ความรักแบบฉัน》 ของผู้กำกับฮ่องกง ถานฮุ่ยเจิน แสดงให้เห็นชีวิตของผู้หญิงในบริบทวัฒนธรรมที่แตกต่าง KUBET และชี้ให้เห็นว่าสายนี้ไม่จำกัดอยู่เพียงการเล่าเรื่องรูปแบบเดียว

《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》: ความรัก 15 ปีที่จบลงด้วยการหย่า

นำแสดงโดย คิชิอิ ยูกิโนะ และ มิยาซาวะ ฮิโอะ ภาพยนตร์เล่าเรื่องคู่รักตั้งแต่รู้จัก คบหา ใช้ชีวิตร่วมกัน จนผ่านไป 15 ปีและลงเอยด้วยการหย่า หนังไม่เน้นดราม่ารุนแรง แต่ใช้รายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน KUBET แสดงให้เห็นว่าความรู้สึกถูกกัดกร่อนภายใต้แรงกดดันของความจริงอย่างไร ตัวละครฝ่ายชายใฝ่ฝันจะเป็นทนาย แต่สอบไม่ผ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ตัวละครฝ่ายหญิงสอบผ่านและกลายเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของครอบครัว KUBET การจัดวางบทบาทเช่นนี้ท้าทายการแบ่งงานตามเพศแบบดั้งเดิม และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่สมดุลในความสัมพันธ์

“ราวกับสูญเสียตัวตน”: ความขาดช่วงที่บทบาทแม่สร้างขึ้น

ผู้กำกับและผู้เขียนบท อามาโนะ จิฮิโระ ยอมรับว่าแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ชีวิตจริง ราว 10 ปีก่อน หลังแต่งงานและมีลูก เธอไม่สามารถหาที่รับฝากเด็กได้ จึงจำเป็นต้องหยุดทำงานภาพยนตร์ชั่วคราวเพื่อเลี้ยงลูก KUBET เธอเล่าว่า “ตอนนั้นรู้สึกเหมือนสูญเสียตัวตน ราวกับถูกสังคมทอดทิ้ง เห็นสามียังออกไปทำงานได้ ก็รู้สึกว่าเขาอิสระมาก ถึงขั้นเกิดความเกลียดในใจ” อารมณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการโทษคู่ชีวิต แต่เกิดจากอาชีพที่ถูกตัดขาดกะทันหัน และคุณค่าตนเองที่สั่นคลอน KUBET

“ราวกับสูญเสียตัวตน”: ความขาดช่วงที่บทบาทแม่สร้างขึ้น
“ราวกับสูญเสียตัวตน”: ความขาดช่วงที่บทบาทแม่สร้างขึ้น

เมื่อบทบาทสลับกัน: ไม่ใช่เรื่องเพศ แต่คือจุดยืน

เมื่ออามาโนะกลับไปทำงานอีกครั้ง บทบาทในครอบครัวก็เปลี่ยนไป สามีเริ่มรับหน้าที่เลี้ยงลูกและทำงานบ้าน เธอเล่าว่า “พอกลับบ้าน เห็นแววตาของสามีเหมือนตัวฉันในอดีต เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง” ประสบการณ์นี้ทำให้เธอเข้าใจว่า KUBET แก่นของปัญหาไม่ใช่ความแตกต่างทางเพศ แต่คือ “เมื่อยืนอยู่คนละจุด ก็จะมองเห็นโลกต่างกัน” ซึ่งกลายเป็นฐานอารมณ์สำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้

น้ำหนักของค่านิยมดั้งเดิม: การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น

นอกจากประสบการณ์ส่วนตัว อามาโนะยังใส่ค่านิยมดั้งเดิมของสังคมญี่ปุ่นลงไปในเรื่อง เช่น ชายชราที่ไม่ยอมรับการหย่า หรือคุณย่าที่เชื่อว่าหลานชายคนโตต้องกลับบ้านเกิดเพื่อสืบทอดกิจการ ตัวละครเหล่านี้เตือนผู้ชมว่า แรงกดดันด้านบทบาทในชีวิตสมรส ไม่ได้มาจากคู่รักเพียงลำพัง แต่เป็นผลรวมของครอบครัวและโครงสร้างสังคม ทำให้การตัดสินใจส่วนบุคคลยิ่งยากขึ้น

คำถามหลักของการเสริมพลังผู้หญิง: ตัวตนอยู่ร่วมกันได้หรือไม่?

《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》 ไม่ให้คำตอบตายตัว แต่ตั้งคำถามสำคัญว่า ผู้หญิงสามารถเป็นแม่ไปพร้อมกับการรักษาตัวตนในฐานะผู้สร้างสรรค์และคนทำงานได้หรือไม่? KUBET สายการเสริมพลังผู้หญิงของเทศกาลโตเกียวจึงขยับจุดสนใจจาก “ผู้หญิงมีความสามารถหรือไม่” ไปสู่ “ระบบเปิดโอกาสให้พวกเธอคงอยู่ในอุตสาหกรรมได้หรือไม่”

บทสรุป: เมื่อเรื่องเล่ามาจากความจริง การเปลี่ยนแปลงจึงอาจเกิดขึ้น

อามาโนะ จิฮิโระ นำความสูญเสีย ความโกรธ และความเข้าใจของตน แปรเปลี่ยนเป็นภาษาภาพยนตร์ ทำให้ผลงานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องจบของชีวิตคู่ แต่เป็นเรื่องของการไหลเวียนของอัตลักษณ์และการเลือกเส้นทางชีวิต ภายใต้กรอบการเสริมพลังผู้หญิง ภาพยนตร์เรื่องนี้เตือนสังคมว่า การสนับสนุนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การยกย่องความเข้มแข็งของผู้หญิง KUBET แต่คือการไม่บังคับให้พวกเธอต้อง “สูญเสียตัวตน” เพื่อแลกกับบทบาทใดบทบาทหนึ่ง

คำถาม–คำตอบ

1. ภาพยนตร์ 《เรื่องราวของภรรยา–สามีซาโตะ》 สะท้อนประเด็นใดเป็นหลัก?
สะท้อนความขัดแย้งระหว่างบทบาทแม่ ชีวิตสมรส และอัตลักษณ์ของผู้หญิงในฐานะผู้สร้างสรรค์และคนทำงาน

2. เหตุใดอามาโนะ จิฮิโระจึงรู้สึก “เหมือนสูญเสียตัวตน” หลังมีลูก?
เพราะเธอถูกบังคับให้หยุดทำงานภาพยนตร์จากปัญหาการดูแลเด็ก ทำให้อาชีพและคุณค่าตนเองขาดช่วงอย่างกะทันหัน

3. ภาพยนตร์เรื่องนี้ท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมอย่างไร?
ด้วยการให้ตัวละครหญิงเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตัวละครชายไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพตามคาดหวังของสังคม

4. ผู้กำกับมองว่าปัญหาหลักในครอบครัวคือเรื่องเพศหรือไม่?
ไม่ใช่เรื่องเพศโดยตรง แต่เป็นเรื่องของ “จุดยืนและบทบาท” เมื่อใครต้องรับภาระมากกว่า ก็จะมองโลกต่างออกไป

5. ข้อความสำคัญที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อในกรอบการเสริมพลังผู้หญิงคืออะไร?
การเสริมพลังที่แท้จริงคือการสร้างระบบที่ทำให้ผู้หญิงสามารถเป็นแม่และรักษาตัวตนทางอาชีพได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องสูญเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง



เนื้อหาที่น่าสนใจ:

Categories: